วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

การทบทวนอาการผู้ป่วยตามระบบต่างๆ (Review of systems)


วันนี้มีทบทวนพิเศษสำหรับนิสิตแพทย์วิชา Eng Med ค่ะ หนึ่งในหัวข้อที่เราเรียนคือ Asking about Body Systems หลายคนสงสัยว่าแค่ถามผู้ป่วยว่า "มาหาหมอวันนี้ มีอาการอะไรคะ" "What's brought you along today?" แล้วผู้ป่วยก็ตอบอาการของตัวเองให้เราทราบนั้นก็พอแล้วนี่นา แต่ ... จริงๆ แล้วไม่พอค่ะ



การทบทวนอาการตามระบบต่างๆ (Review of systems) เป็นส่วนสำคัญในการสัมภาษณ์ประวัติผู้ป่วย เพราะเป็นส่วนที่ช่วยเก็บข้อมูลที่อาจตกหล่นไประหว่างที่เราซักประวัติอาการสำคัญ ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน ประวัติการเจ็บป่วยอดีต ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในมือใหม่หัดซักประวัติอย่างนิสิตแพทย์ค่ะ

การถามคำถามในส่วน ROS นี้ เราจะถามกันตั้งแต่ "head to toe" พูดง่ายๆ ก็ "หัวจรดเท้า" ค่ะ

โดยมักจะมีลำดับดังนี้ ทั่วไป-ผิวหนัง-ศีรษะ-ตา-หู-จมูก-ช่องปาก-คอ-ต่อมน้ำเหลือง-เต้านม-ระบบหายใจ-ระบบหัวใจและหลอดเลือด-ระบบทางเดินอาหาร-ทางเดินปัสสาวะ-ระบบอวัยวะเพศ-แขนขา-ระบบประสาท-ระบบโลหิต-ระบบต่อมไร้ท่อ-ระบบภูมิคุ้มกัน-ระบบโรคข้อและกระดูก

แม้จะดูเหมือนว่าเราถามหลายคำถาม แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลานานนัก หากผู้ป่วยไม่มีอาการในระบบนั้น เราก็ข้ามไปถามอาการในระบบถัดไป เว้นแต่ว่า ผู้ป่วยมีอาการในระบบนั้นๆ เราก็ถามคำถามเฉพาะเจาะจงกับอาการในระบบนั้นเพิ่มเติมค่ะ

ตัวอย่างคำถาม Review of systems มีดังต่อไปนี้ค่ะ

Have you had any fever or chills?
Have you noticed any change in your breasts?
Have you had any nausea, vomitting, diarrhea, or constipation?
Do you have any pain or discomfort when urinating?
How has your mood been? Do you cry often?
Do you have problems with allergies at certain times of the year?

และขอปิดท้ายด้วยคำศัพท์น่ารู้ "waterwork"

ในประโยคที่หมอถามผู้ป่วยว่

"Any problems with your waterworks?"

คำว่า waterwork ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า ระบบน้ำ water system นะคะ

แต่หมายถึง "การถ่ายปัสสาวะ" passing water นั่นเองค่ะ

สำหรับศัพท์แพทย์ของคำนี้คือ urinating หรือ urination ค่ะ
ส่วนปัสสาวะก็คือ urine ค่ะ
และระบบทางเดินปัสสาวะเราก็เรียกว่า urinary system

เป็นอย่างไรบ้างคะ วันนี้ได้ความรู้กันไปเยอะเลย คราวหน้าอาจารย์จะมาเขียนเรื่องอะไรคอยติดตามกันนะคะ ^__^

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558

ปวด สารพัดปวด ตอนที่ 1

ในภาษาอังกฤษมีหลายคำที่ใช้กล่าวถึงอาการ "ปวด" ไม่ว่าจะเป็น pain, ache, sore 

วันนี้เรามาดูที่คำว่า ache ก่อนนะคะ



เวลาเราต้องการบอกว่าปวดตำแหน่งไหน เราก็ใส่คำว่า ache ท้ายอวัยวะส่วนที่ปวดค่ะ เช่น

head (หัว) + ache (ปวด) = headache (ปวดหัว)

tooth (ฟัน) + ache (ปวด) = toothache (ปวดฟัน)

back (หลัง) + ache (ปวด) = backache (ปวดหลัง)

stomach (กระเพาะ, ท้อง) + ache (ปวด) = stomachache (ปวดท้อง)

ear (หู) + ache (ปวด) = earache (ปวดหู)

muscle (กล้ามเนื้อ) + ache (ปวด) = muscle ache (ปวดกล้ามเนื้อ)

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะใช้ ache ได้กับทุกส่วนนะคะ อย่างอาการเจ็บคอ เราใช้ว่า sore throat ค่ะ

เรื่องอาการปวดมีให้เราเรียนรู้อีกเยอะ จะมาเล่าให้ทราบกันในครั้งต่อๆ ไปค่ะ ^^

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

คำว่า "Illness" กับ "Disease" ต่างกันอย่างไรน้า?!?

ขอบคุณสำหรับทุก Like นะคะ ตอนนี้แฟนเพจ https://www.facebook.com/eng4thaidoctor ได้กำลังใจมาตั้ง 3,000++ Likes แหนะ ชื่นใจจริงๆ วันนี้จึงมีเกร็ดความรู้มาฝากกันค่ะ

คำว่า "Illness" กับ "Disease" แตกต่างกันอย่างไรน้า?!? 




คำว่า "Illness" แปลว่า การเจ็บป่วย หมายถึง ปัญหาสุขภาพที่ทำให้เราไม่สบาย เช่น She died last week after a long illness. เธอเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากเจ็บป่วยมายาวนาน

เราอาจจะเจอคำนี้ใช้ร่วมกับคำอื่นเพื่อขยายความการเจ็บป่วย เช่น terminal illness (การเจ็บป่วยระยะสุดท้าย) serious illness (การเจ็บป่วยที่รุนแรง)

ในขณะที่คำว่า "Disease" แปลว่า โรค การเจ็บป่วยที่จะเป็นโรคได้นั้นต้องมีชื่อทางการแพทย์ (medical name) ค่ะ

เช่น Alzheimer's disease โรคอัลไซเมอร์
Diabetes mellitus โรคเบาหวาน
Pneumonia โรคปอดบวม

เราอาจจะใช้คำว่า disease ร่วมกับชื่ออวัยวะเพื่อกล่าวถึงโรคที่เกิดกับอวัยวะนั้นๆ ได้ค่ะ

เช่น heart disease โรคหัวใจ
lung disease โรคปอด
kidney disease โรคไต

หากเราต้องการบอกว่า ป่วยเป็นโรค
--> เราใช้ว่า suffer from a disease ค่ะ
หรือจะใช้ว่า have a disease ก็ได้เช่นกันค่ะ

เช่น
His uncle has diabetes. ลุงของเขาป่วยเป็นโรคเบาหวา
She suffers from osteoarthritis. เธอป่วยเป็นโรคข้อเสื่อม
He suffers from a disease of the respiratory system. เขาป่วยเป็นโรคของระบบทางเดินหายใจ

วันนี้เราก็ได้ทราบความแตกต่างของคำว่า "Illness" กับ "Disease" กันแล้วนะคะ ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องคอยติดตามกันค่ะ ^__^